open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิจารณ์อภิปรายของ รองศาสตราจารย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

อดีตรองศาสตราจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คำวิจารณ์ภาษาไทยนี้ เขียนอิง(แต่มิใช่แปล) คำวิจารณ์ต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ซึ่งเคาะอ่านได้ ตามลิงก์:

Open Letter to French Ambassador to Thailand



ปะเด็น ที่หนึ่งและสอง ในต้นฉบับภาษาอังกฤษ ผู้วิจารณ์โจมตี ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ว่าเหตุผลวิบัติ เพราะการอ้างเหตุผลโดยอาศัยแนวเทียบ(analogy) เป็นการหาเหตุผลแบบอุปนัยชนิดหนึ่ง ที่จะ พิจาละณา  ความ เหมียนกัน อย่างสำคัญ ละหว่าง สองสิ่ง โดยที่สองสิ่งนั้น จะต้องไม่มี ฟามแตกต่าง อย่างสำคัญ  ทั้งนี้เพื่อใช้สนับสนุน ข้อสลุป  โดย สลุป จากของ ปะเภท หนึ่ง ไปยังของอีก ปะเภท หนึ่ง

การให้เหตุผลของ ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ในกรณีนี้ ผู้วิจารณ์เห็นว่าวิบัติ  เพาะว่า สิ่งที่นำมาเทียบ แตกต่าง กันอย่างสำคัญ  ยกเว้น สภาพอันหาชีวิตไม่แล้ว หลือ ฟามเป็นศพ เท่านั้นที่เหมือนกัน อันเป็นข้อเท็จจริงทางกายภาพ ของสรรพสิ่งทั้งปวงที่เคยยังชีวิตอยู่ในวัฎสงสาร  แต่จะนำมาปรับให้เป็นข้อเท็จจริงทางวัฒนธรรม และ ปัชญา หาได้ไม่  คนละระนาบความเข้าใจ และคนละมิติแห่งความจริง

สำหลับ การวิจารณ์ ปะเด็น ที่สาม ซึ่งคำวิจารณ์ภาษา อังกิด โปยหัว ว่า ชีวิตง่าย ตั้งแต่ยุคหิน ตาบ กะทั่ง ถึงยุคอินเตอร์เนต  ทั้งนี้ เพาะว่า การมองโลกง่าย ๆ อย่างสะเพร่า ในย่อหน้า 4, 8, 9  น่าจะเป็นโลกทัศน์ที่เกยตื้นหรือบ้องตื้น  เป็นความคิด ละหว่าง ยุคหินถึงก่อนยุคอินเตอร์เนต  ในยุคอินเตอร์เนตนี้จะมาตอแหลกันง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว  สำนวนว่า “บ้องตื้น” อาจ แป เป็นสำนวน อังกิด ได้ว่า “shallow cylinder”  ซึ่งเป็นสำนวนที่เวลานี้คน อังกิด ยังไม่ ลู้จัก  แต่ในอนาคตน่าจะ ลู้ กันมากขึ้น  อย่างไล ก็ดี ผู้วิจารณ์เห็นด้วยกับท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ นะฮะ  ถ้าหากท่านจะพูดว่า คน เลา สามารถ ลับปะทาน หอยทากอันเป็นอาหาร ฝะหลั่งเศส โดยใช้ตะเกียบคีบกินก็ได้ ถ้าคิดจะทำซะอย่าง

ท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ อ้างสถานภาพความเป็นอาจารย์สอน ปะวัติศาสตร์  มาสยบข้อโต้แย้ง และบอกปัดการอ้างเหตุผลขัดคอ จากผู้อื่น ที่เวลาวีดีโอ 15:53 – 15:54  สนใจ โปดคิก ฟังและชม ซึ่งวิธีการยกสถานภาพด้านอาชีพ – a professional identity - ขึ้นมาอ้าง แทนที่จะอ้างเหตุผลเช่นนี้ มีข้อเสียหาย :

(1) เป็นวิธีการของ snob (ดูวีดีโอ “Status Anxiety”, Allen de Boton, นักปรัชญาอังกฤษปัจจุบัน, เวลาตามวีดีโอของ de Boton 00:13 – 00:24) 
(2) เป็นเหตุผลวิบัติชนิดพายเรือในอ่าง(circular argument) คือ หลักฐานหรือข้ออ้างไม่ได้เป็นอิสระจากข้อสรุป
(3) และเป็นเหตุผลวิบัติชนิดอ้างผู้รู้ที่ไม่เหมาะสม(appeal to inappropriate authority)

ผู้วิจารณ์แลไม่เห็นว่า ท่าน ลองศาสตาจารย์  เป็น คู สอน ปะวัติศาสตร์ ที่ ตงไหน  และเป็นมาได้ อย่างไล?  ปะวัติศาสตร์ ของท่าน ลองศาสตาจารย์  มีลักษณะ ค้าย ๆ ข่าวค้างสต็อค จากครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา หรือข่าวค้างสต็อคจากศตวรรษก่อน

เพาะนั้น กอนี  การพยายามจะยกสถานภาพด้านอาชีพขึ้นมาอ้างเพื่อ “เฟ้อคุณค่าตนเอง”(over-value) และเพื่อ “ด้อยค่า”(de-value)ผู้อื่นนี้  เป็นความประพฤติที่น่าอนาถ(crass behavior) – หมายถึง ความประพฤติ นะฮะ ไม่ใช่ตัวบุคคล  และเป็นวิธีการที่โง่บัดซบ(crass ignorance) – หมายถึง วิธีการ นะฮะ ไม่ใช่ตัวบุคคล

ปะเด็น ที่สี่ อาลมณ์ ขันทำให้ เลา เป็นคน  ปะเด็น นี้ ผู้วิจารณ์อ้างถึงย่อหน้า 9 และ 13  ที่ ลศ. สมศักด์ แจ้งผู้ฟังว่า ท่านจะเล่า เลื่อง ขำขัน  แต่ คั้น ผู้วิจารณ์ หาไม่เจอที่ขำ  จึงสงสัยว่า ลศ.สมศักดิ์  ยังจะเป็นคนอยู่ จิงหลือป่าว? 

ในย่อหน้า 12 ที่ ท่าน ลองศาสตาจารย์ พูดว่า “ผมไม่เคยคิดจะด่าเจ้า นี่พูดจิง ๆ นะฮะ(หัวเราะ) เลิกหนึ่งหนึ่งสอง ผมก็ไม่ด่า นี่พูดจิง ๆ นะฮะ” – ผู้วิจารณ์ฟังแล้วไม่ขำ และก็ไม่เห็นว่าจะ น่าหัวเลาะ ตงไหน  ไม่ทราบว่าที่ หัวเลาะ ออกมานั้น ท่าน ลองศาสตาจารย์  ขำ ตง ไหนครับ?  บอกหน่อยได้ไหมครับ?  หลือว่า ท่านเป็นนักแสดงหนังกำลังภายในชนิด “หัวเลาะ ไม่มีเหตุผล” ?  

หลือ ว่าท่าน ลองศาสตาจารณ์  ลำพองใจและย่ามใจ  อดไม่ไหวนึกอยาก หัวเลาะเยาะ

หลือ ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ใช้ ปะโยค นี้แสดงออกตามคำพังเพยที่ว่า ลิงหลอกเจ้า?

ปะเด็น ที่ห้า “คุณโกหก” กับ ทรงเสด็จ  ในย่อหน้า 10 ท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ บอกผู้ฟังคนที่ไม่เห็น ค้อย ตามแนวของตนว่า เขาพูดตอแหล!  ถ้าเรา วิเคาะห์ ตามทฤษฎีวิจารณ์วรรณกรรม ของ ฌาค ดาลิดา นักปัชญาชาวฝะหลั่งเศส และนักทฤษฎีวรรณกรรม ทฤษฎีของเขาชื่อ “รื้อแม่งเลย” หลือ  “Deconstruction”  เลา อาจนึกสงสัยว่า ลศ.สมศักดิ์ เลียนลู้ เลื่อง การอ้างเหตุผล มาจากพวกตลกคาเฟ่ มอนตี พายธ็อน ลึป่าว?  ส่วนการใช้ราชาศัพท์ “ทรงเสด็จ” นั้น ผิดหลักภาษาไทย  และเป็นความผิดชนิดบ้องตื้น หลือ สำนวนภาษาปะกิต  แต่เวลานี้ ฝะหลั่ง ยังไม่ ลู้จัก  เขาจะเรียกว่า  shallow cylinder

ปะเด็น ที่หก  งิ้ว หลง โรง  ผู้วิจารณ์ชี้ให้ท่านทูต ฝะหลั่งเศส  ปะจำปะเทศ ไทย เห็นกะตาว่า การใช้มือ ปะกอบ คำพูดของ ลศ.สมศักดิ์  ท่านทำมือขวาขึ้น ๆ ลง ๆ ชี้โบ้ชี้เบ้ ถึง ลาว  850 คั้ง ภายในเวลาสิบห้านาที  ค้าย ๆ กับ งิ้ว หลง โลง (หมายถึง หลงโรงละครหรือหลงโรงงิ้ว ไม่ใช่หลงไปลงผิดโลงศพ คนละโลงกับโลงที่เขา เตียม ไว้ให้ตัว)  อาการทำไม้ทำมือ ค้าย ๆ กับคนเสียสติ  ซึ่ง เลา สามารถปิดเสียงวีดีโอชมอาการนั้นได้แบบเน้น ๆ  และผู้วิจารณ์ก็ได้เชิญท่านทูต ฝะหลั่งเศส  ให้ลองปิดเสียงชม  จะเห็นแจ้งประจักษ์ ลาว กับว่า ท่าน ลองศาสตาจารย์  กำลังต้องการ การบำบัดทางจิต ซึ่งผู้วิจารณ์เห็นว่า Amnesty International France กับทางการ ฝะหลั่งเศส  น่าจะ พิจาละณา ให้วีซ่าชนิดอยู่ถาวรแก่ท่าน ลองศาสตาจารย์ ไปเลย  โดยออกวีซ่าชนิด lunatic asylum เพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ – นอกเหนือจากวีซ่าชนิด political asylum ที่ได้ให้ไว้แล้ว  และด้วยเหตุผลทางมนุษย์ธรรม ผู้วิจารณ์ขอวิงวอนต่อ Amnesty International France และทางการ ปะเทดฝะหลั่งเศส  โปด ส่งตัวท่าน ลองศาสตาจารย์  เข้าบำบัด ลักษา ชนิดอยู่ถาวรในโลง พยาบาล โลค จิต ใน ปะเทศฝะหลั่งเศส 

ปะเด็น ที่เจ็ด วิชาการอื้อ  ได้วิจารณ์การอ้างเหตุผล โดยอาศัยชาร์ตที่แสดงด้วยแผ่น ก้าฟ  ซึ่ง ปะกอบ ด้วยแกนตั้ง-แสดงจำนวนคดี กับแกนนอน-แทนปีที่เกิดคดี  ก้าฟ ชนิดนี้พูด ตง ๆ ก็คือ ตาลาง ธรรมดาชนิดสองคอลัมน์  จึงเป็น ก้าฟ  ที่ไม่ได้ใช้วิธีการทางสถิติที่ลึกซึ้ง อะไล   เด็กป.4 อย่างสูงไม่เกินป.6 บางโลงเลียน ก็ทำได้  ทำแล้วนำมา คิก ขึ้นจอ (คลิกขึ้นจอ)

ไม่ได้เสียหาย อะไล เลย  ถ้าโชว์ ก้าฟ  ชนิดนี้เพียงเพื่อแสดงว่า ปีนั้นมีคดีเท่าไร ปีนี้มีคดีเท่าไร  แล้วให้จบแค่นั้น  อย่าพยายามแสดงเหตุผลยัดเยียดเข้าไปในแผ่น ก้าฟ  - โดยอาศัยบารมีของความเป็นเส้น ก้าฟ  มามั่วสนับสนุนเหตุผลนั้น ๆ  วิธีการนี้เป็นวิธีการของคนบางคน - ไม่ใช่ทุกคน ในสาย Humanities (ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ปรัชญา มานุษยวิทยา ศิลปะ ดนตรี) ที่ไร้เดียงสาในวิชาสถิติ แต่ชอบที่จะนำสถิติระดับประถม อนุบาล หรือทารกนิด ๆ  มาใช้เพื่อโชว์ให้คนเห็นว่า ตนกำลังแสดงเหตุผลอย่างเป็น “วิทยาศาสตร์”

ตอนนี้ท่านอยู่ในประเทศฝรั่งเศสแล้ว  ที่ฝรั่งเศส “เรา” เรียกวิชาสาย Humanities เช่น ประวัติศาสตร์ ว่า “ซิ อ้อง  อู แมน”(Science humaine)  “เรา” ถือว่าเป็นศาสตร์เกี่ยวกับ “มนุษย์”  เป็น “วิทยาศาสตร์” อยู่แล้วครับ  ท่าน ลองศาสตาจารย์  ไม่ต้องเว่อ

การแสดงเหตุผลอธิบายอาการขึ้นลงของ เส้นก้าฟ  ลศ.สมศักดิ์ พูดลอย ๆ ด้อยหลักความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ที่จะ พิจาละณา  1) สาเหตูที่จำเป็น – จะต้องมี ถ้าต้องการให้ผลเกิด  2) สาเหตุที่เพียงพอ – หากมีแล้ว ผลเกิดแน่  ตลอดจน 3) สาเหตุที่เพียงพอและจำเป็น – อันเป็นสาเหตุที่ทั้งจำเป็นและจะต้องมี จึงจะทำให้ผลเกิด

การอ้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ของ ลศ.สมศักดิ์ ในย่อหน้า 19 ลศ.สมศักดิ์ ก่าว ว่าค้นหาสาเหตุได้ “ง่ายมาก”  แต่ถ้า ลาว (เรา)ได้ลองศึกษา โดยเฉพาะพวก ลาว (พวกเรา) ที่ miserably over-educated(มีการศึกษาสูงเกินไปอย่างน่าเวทนา) เช่น ตัวผู้วิจารณ์ เป็นต้น  ถ้าได้ศึกษา เลื่อง ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของ จอห์น สจวต มิลล์  ลาว ก็จะนึก ละแวง ว่า การที่จะกำหนดว่า อะไล เป็นสาเหตุของ อะไล  ไม่ใช่ เลื่อง ยากก็จริงอยู่  แต่ก็ไม่ได้หมู ๆ หลือ  “ง่ายมาก” อย่างที่ ลศ.สมศักดิ์ ก่าว ด้วน ๆ ทะลุกลางปล้อง อย่างนั้น 

การแสดงข้ออ้าง ปะกอบก้าฟ  ของ ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ เป็น fake statistical inference  ทำเป็น วิเคาะห์  ลึกซึ้งเพื่อสร้างความ ปะทับใจ  แก่บรรดาพวก statistical illiterate บางคนที่มาฟัง  นี่ไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นควายหรือเป็นหมา นะ  เพาะว่า  ฟายกับหมา  มันจะ illiterate ไปไม่ได้ดอก  มีแต่คนเท่านั้นที่จะ illiterate ได้  ฟายกับหมา พวกเขาเป็น อะไล ที่ดีกว่านั้นเยอะเลย พูดตง ๆ  นะเนี่ยะ – ไม่ได้ แก้ง ยอ 

ข้อดีของการอ้างเหตุผลด้วยการ คิกชาร์ต ขึ้นจอของท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ก็มีอยู่ ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย ๆ ซะเมื่อไร  วิเคาะห์ ในเชิงบวกแล้ว พบว่า ท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ได้แสดงตนเป็นตัวอย่างอันดีเลิศ ประเสริฐศรี สะระแมนแต็น หาใดเสมอยาก  ท่านสามารถเป็นไปอย่างถูกต้อง คบถ้วนบอลิบูรณ์  ไม่มีผิดตกยกเว้นแม้สักตัวอักษร ตามคำของนักเขียนอเมริกัน นายมาร์ค ทเวน ที่ว่า

There are three kinds of lies: lies, damned lies, and statistics.” – Mark Twain

ผู้วิจารณ์รู้สึกอายปาก ที่จะ แป เป็นภาษาไทย  ก็เลยจะ ไม่ปงไม่แป  แม่ง ล่ะ

สำหลับ ปะเด็น การวิจารณ์ ปะเด็น ที่แปด ว่าด้วย เลื่อง  เลขคณิตแห่งการปฏิวัติ  ผู้วิจารณ์แสดงความเห็นไว้ว่า ลศ.สมศักดิ์ ท่านเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง ถ้า เลา จะนับท่าน ลวม ไปกับพวก “นักปฏิวัติ” จำนวน ปะมาณ สองล้อย กว่าคน ที่ลี้ตัวเองออกไปอยู่นอก ปะเทศไทย ในเวลานี้  คน กุ่ม นี้เป็น กุ่ม “นักปฏิวัติ” ที่ไม่อิงศาสนา กุ่ม ใหญ่ที่สุดในโลก - ในปัจจุบัน 

ถ้า เลา จะยึดการปฏิวัติคิวบาเป็นเกณฑ์--อันเป็นการปฏิวัติของ กุ่มคน ที่ไม่อิงศาสนาเช่นเดียวกัน  ตำนานแห่งการปฏิวัติเล่าไว้ทำนองว่า ในวันที่ท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพวันหนึ่ง นักปฏิวัติไม่กี่คนเอง ลาว เจ็ดแปดคนเห็นจะได้  ลอยเลือ มาเกยหาดคิวบายามตะวันรอน  แล้วต่อมาก็ทำการปฏิวัติ สำเหล็จ  การปฏิวัติ คั้งนั้น ยืนยาวถึง ลาว  หกสิบปี  สมมติว่ายึดตามเกณฑ์นี้ นักปฏิวัติ สองล้อย คน ก็จะทำการปฏิวัติได้ ปะมาณ สามสิบ คั้ง  ซึ่งจะก่อให้เกิดการปฏิวัติที่ยืนยาว ลวมแล้ว ถึง ลาว 1,800 ปี -- ในโลกสมมติ( in a possible world) 

ผู้วิจารณ์ จะไม่แสดง ฟามเห็น ปะเด็น นี้เป็นที่ฟูมฟายมากมาย  แต่จะ ป่อย ให้ ลศ.สมศักดิ์ กับ “นักปฏิวัติ” จำนวน สองล้อย กว่าคนซึ่ง ลาว อาจนับ ลวม กันได้เป็น กุ่ม ๆ หนึง  หรือฝูงหนึ่งฝูง  สำนวนเช็คสเปียส์ว่า เป็น  a herd of boastful, self-glorious, low creature  ลาว (เรา)จะ ป่อย ให้พวกเขากินถั่วลิสงของพวกเขาไปจะดีกว่า  ส่วนผู้วิจารณ์ขอสั่งอาหาร ฝะหลั่งเศส ชื่อ Lobster thermidor ที่ ล้าน อาหาร ฝะหลั่งเศส ที่ภูเก็ต  อาหารจานนี้ชื่อพ้องกับชื่อเดือน ๆ หนึ่ง ในปฏิทินแห่งการปฏิวัติ ซึ่งปะเทศฝะหลั่งเศส  เคยใช้อยู่ ปะมาณ สิบสี่ปีในช่วงการปฏิวัติ ฝะหลั่งเศส  ผู้วิจารณ์ชอบกิน Lobster thermidor มากกว่าถั่วลิสง เพาะว่า ตัวเองไม่ใช่ลิง หลือ กะลอก

ปะเด็นที่ 9 วัตถุดิบที่น่าปื้ม(ปลื้ม) ผู้วิจารณ์ ลู้สึกปื้ม (ที่จริงริษยา) ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ที่สร้างสรรค์ผลงานยิ่งใหญ่ถึง ละดับ หนึ่ง  จนได้ ลับการยอมลับ จากทางการ ปะเทศฝะหลั่งเศส  มี ไค ทำได้อย่างท่านบ้าง? 

บ้านลาวเมืองลาว(เมืองเรา) ต้องมีคนอย่างท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ผู้ที่พออ้าปากพูด คนฟัง ลู้เลยว่า จะพูด เลื่องอะไล นะฮะ  ซึ่ง เลื่อง นั้น ก็คือ...ก็คือ...ก็คือ เลื่อง ที่จะติด ตะลาง ไม่เกินสิบสองปีนั่นเอง  ถ้าเป็น เลื่อง ที่ติด ตะลาง เกินกว่า อัตตา นี้  ท่านจะไม่เล่น  ท่านอั้นแค่สิบสองปี

การวิจารณ์ คั้งนี้ ผู้วิจารณ์ต้อง เตียม หลาย เลื่อง  เปี่ยนไป-เปี่ยนมา  นั่งเขียน กับไป-กับมา  จน บางคั้ง ลู้สึก  ถึง ความแปก ที่ต้องมาเขียน เลื่อง นี้  ต้อง แปไป-แปมา ไทยเป็น อังกิษ อังกิษ เป็นไทย  แต่เชื่อว่าใน ละยะยาว  ถ้าจะว่ากันเป็น ลูปปะธรรม งานนี้ต้องเปิด หลิก ชัง ลาลี - เอ๊ย- ดิคชันนา ลี (พูดผิด พูดใหม่ได้) เยอะเลย  ซึ่งผู้จารณ์จะไม่เปิดเผยว่าใช้ หลิก ชัง ลาลี - เอ๊ย- ดิคชันนา ลี (พูดใหม่ ก็ผิดอีก) เล่มไหน?  แต่จะ ป่อย ให้ มิตรลัก นักอ่านนึกเดา และวิวาทกันเอง ว่าเล่มไหนแน่? 

แต่จะว่าไป ผู้วิจารณ์ก็ได้รับความเพลิดเพลินจากการแสดง “ความ กึ่ง รู้” และ “ความรู้มาก แต่เข้าใจน้อย”(know a lot, but understand a little) ของท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ เยอะ นะฮะ  กอณี นี้ ลู้สึก สำนึกในบุญคุณท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ และจะไม่ เนละคุณ  ตรงกันข้าม - จะติดตามผลงานล่าสุด ที่ท่านสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ๆ สด ๆ ในสิ่งแวดล้อมที่มี เสลีภาพ เต็มที่ ใน ปะเทศฝะหลั่งเศส  เพื่อหาช่องทางวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปในอนาคต-แบบว่า ลักจิง  สมดังคำของ ออสคาร์ ไวล์ ที่ว่า Good friends stab you in the front. --มิตรที่ดี ย่อมแทงซึ่งหน้า--ถึงแม้ว่า เลื่อง ที่ผู้วิจารณ์ ลักจิง และเป็นมิตรที่ดีนั้น  ท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ อาจจะยัง ม่ายไล่ -เอ๊ย- ไม่ได้ (พูดผิด พูดใหม่ได้) หยั่งลู้ ก็ตาม

เนื่องจาก ต้นฉบับคำวิจารณ์เขียนเป็นจดหมายเปิดผนึก ถึงท่านทูต ฝะหลั่งเศส ปะจำปะเทศไทย  การวิจารณ์ ปะเด็น ที่สิบ อันเป็น ปะเด็น ลงท้าย ครูสอนการเขียนความเรียงท่านเรียก punch line จึงได้ใช้ภาษา ฝะหลั่งเศส  มาสร้างประเด็นพาดหัวไว้เพื่อให้เกียรติท่านทูต ว่า La faute de taille GMP  -- ปะเดี๋ยวจะ แป  ให้ท่าน ลองศาสตาจารย์ สมศักดิ์ ฟัง นะฮะ

มัน แป  ว่า “ความผิดพลาด ละดับ  เจ แอ็ม เป”  

ว่าไงนะฮะ?  อ๋อ แป  แล้วก็ยัง ไม่ลู้เลื่อง  อีก?  โอ หล่า ล้า  ไม่เป็น ไล  เป็นความผิดของ ผู้แป คับ อย่าวิตก – pas de souci 

สวัสดี



แดง ใบเล่ – Dan Bailé

บ้านนาพญา
หลังสวน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น